เปิด ที่มาปิ้งย่างเกาหลี กับ ปิ้งย่างญี่ปุ่น ต่างกันอย่างไร

ที่มาปิ้งย่างเกาหลี  “บาร์บีคิวเกาหลี” เป็นหนึ่งในเมนูโปรดของใครหลายคนที่ชอบทานอาหารปิ้งย่าง แล้วบาร์บีคิวเกาหลีกับบาร์บีคิวญี่ปุ่นต่างกันอย่างไร? ยา กิ นิ กุ คือ

 

ที่มาปิ้งย่างเกาหลี ต้นกำเนิดสู่ปิ้งย่างญี่ปุ่น

 

ที่มาปิ้งย่างเกาหลี บาร์บีคิวเกาหลีมีต้นกำเนิดมาจากสนามรบใน ยุคมองโกล โดยทหารที่ออกไปทำสงครามเพื่อคิดค้นเมนู ” บาร์บีคิวเกาหลี ” นี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความหิวโหยในช่วงสงครามโดยใช้กระทะและหมวกเหล็กแทนการย่างเนื้อแกะ จากนั้นก็แพร่หลายมาจนทุกวันนี้ แต่เป็นเนื้อแกะ เนื้อหมู และเนื้อวัวแทน

ต่อมาหลังสงครามโลก ประมาณปี พ.ศ. 2488 วัฒนธรรมอาหารปิ้งย่างของเกาหลีเริ่มแพร่หลายและเป็นที่นิยมในญี่ปุ่น จึงเกิดเป็นเมนูปิ้งย่างแบบญี่ปุ่น หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นเมนูที่ได้รับอิทธิพลจากการรับประทานเนื้อย่างเกาหลีที่มักเรียกกันว่า ” ยากินิคุ ” แล้วปรับรูปแบบให้เข้ากับพฤติกรรมและความชอบของคนญี่ปุ่น

 

ปิ้งย่างเกาหลี กับ ปิ้งย่างญี่ปุ่น ต่างกันอย่างไร

 

แม้ว่าจะเรียกอีกอย่างว่าเมนู “ย่าง” แต่ก็มีความแตกต่างกันเล็กน้อยระหว่างบาร์บีคิวเกาหลีกับบาร์บีคิวญี่ปุ่น บาร์บีคิวเกาหลีมักจะใช้ “หมู” และมันหมูเป็นส่วนประกอบหลัก เนื่องจากมีราคาถูกและหาซื้อได้ง่ายกว่าเนื้อวัวซึ่งมีราคาแพงกว่าเนื้อหมู 2-3 เท่า ยา กิ นิ กุ คือ

บาร์บีคิวเกาหลีถือเป็นเมนูกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนและครอบครัว อย่างที่เราเห็นในละครเกาหลีบ่อยๆ หลังเลิกงาน มนุษย์เงินเดือนมักจะชวนกันไปกินบาร์บีคิวเกาหลีกับโซจู คนไทยชอบชวนเพื่อนไปกินหมูทอด นอกจากใช้เนื้อหมูเป็นส่วนประกอบหลักแล้ว บาร์บีคิวเกาหลียังมักเสิร์ฟพร้อมกับเครื่องเคียงต่างๆ เช่น ผักกาดหอม กิมจิ ซอส เกลือ ใบงา หัวไชเท้าดอง ถั่วงอก หัวหอม กระเทียม และต้นหอม เพื่อให้เนื้อหมูมีรสชาติมากขึ้น รวมถึงเนื้อหมูที่หมักด้วยซอสชนิดต่างๆ มีรสชาติเข้มข้นทานคู่กับเครื่องเคียงหลังทอดได้ทันที

สำหรับอาหารปิ้งย่างแบบญี่ปุ่นนั้นจะเน้นไปที่วัตถุดิบหลักคือ “เนื้อวัว” หรือที่เรียกกันในภาษาญี่ปุ่นว่า “ยากินิคุ ” โดยคำว่า ยากิ แปลว่าย่าง และ นิคุ แปลว่าเนื้อวัว จะมีมากมายให้เลือก เพราะเนื้อวัวแต่ละส่วนมีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกัน ดังนั้นอาหารปิ้งย่างของญี่ปุ่นจึงเน้นที่รสชาติของวัตถุดิบเป็นหลัก ผลลัพธ์คือไม่มีการหมักซอสก่อนย่าง แต่ให้ จิ้มซอสหลังย่าง เพื่อสัมผัสรสชาติความอร่อยของเนื้อชั้นดีอย่างแท้จริง แถมเครื่องเคียงก็มีไม่เยอะเหมือนเนื้อย่างเกาหลี

 

พฤติกรรมการกินปิ้งย่างที่เปลี่ยนไป

 

การรับประทานบาร์บีคิวเกาหลีหรือบาร์บีคิวญี่ปุ่นในอดีต มองโกลหมูกระทะ ร้านอาหารส่วนใหญ่จะให้บริการแบบบุฟเฟ่ต์ โดยมีราคาตั้งแต่ตัวละ 499 บาท ไปจนถึงหลักพันบาท ดังนั้นผู้รับประทานอาหารจึงคำนึงถึงคุณค่า ให้คุ้มกับราคาที่ต้องจ่าย ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงมักไปทานกันเป็นกลุ่มใหญ่ เช่น ครอบครัวหรือเพื่อนฝูง ซึ่งนอกจากจะเป็นการพบปะสังสรรค์แล้ว ยังทำให้ผู้คนสามารถช่วยเหลือตัวเองในการสั่งอาหารในขณะที่สั่งในปริมาณมากได้อีกด้วย

ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป แม้ว่ามนุษย์จะเป็นสัตว์สังคม แต่ปัจจุบันพฤติกรรมการกินอย่างโดดเดี่ยวมีผลมากขึ้น โดยเฉพาะในญี่ปุ่นและเกาหลี Solo Dining เป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงหรือการกินข้าวคนเดียวมีมาพักใหญ่แล้วไม่ใช่แค่การกินข้าวมื้อเดียว แต่ยังมีพฤติกรรมการรับประทานอาหารของแต่ละคน ได้แก่ เมนูที่เน้นสั่งจำนวนมากและนิยมรับประทานกันเป็นกลุ่มเพื่อน เช่น ชาบูปิ้งย่างหมูทอด ที่สำคัญอย่างที่หลายคนทราบกันดีว่าไม่จำกัดเฉพาะคนโสด

“พฤติกรรมคนที่มากินของทอดคนเดียวไม่ได้จำกัดเฉพาะคนโสด แต่ก็เป็นคนทั่วไปที่ต้องการกินอาหารทอดในปริมาณที่ดี ไม่เน้นปริมาณเหมือนกินบุฟเฟ่ต์ ใช้เวลาไม่นานในการกิน รวมถึงการพบปะเพื่อนฝูงกลุ่มใหญ่และขจัดปัญหาความไม่เหมาะสมกับความพร้อม ปัจจุบัน เทรนด์การปิ้งย่างคนเดียวในประเทศไทยพุ่งสูงถึง 30% แล้ว” ธีระ มงคลขจิต หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ ร้าน Yakiniku Like กล่าวถึงพฤติกรรมการรับประทานอาหารคนเดียวในประเทศไทย

ร้าน Yakiniku Like เป็นร้านปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น ออกแบบมาเพื่อตอบสนองพฤติกรรมของคนชอบทานคนเดียว หรือมาเป็นกลุ่มเล็กๆ 3-4 คน สำหรับเซ็ตเมนูที่มาพร้อมเครื่องเคียง ซุปมิโซะ ข้าว และกิมจิ โดยสามารถเลือกหมูหรือเนื้อส่วนต่างๆ ได้ ใครชอบปิ้งย่างคนเดียวที่โต๊ะ ราคาเริ่มต้น 179 บาท ถึง 400 บาท ต่อชุด ขึ้นอยู่กับชนิดของวัตถุดิบที่เลือกใช้ มูลค่าวัสดุที่ดี

แต่ไม่ว่าจะมาเป็นกลุ่มหรือมาคนเดียว เมนูปิ้งย่าง ก็ยังเป็นที่ชื่นชอบและชื่นชอบของหลายๆ คน ไม่ว่าจะเป็น บาร์บีคิวเกาหลี หรือ บาร์บีคิวญี่ปุ่น ขึ้นอยู่กับความชอบที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล หากทุกคนชอบรสชาติของเนื้อหมักซอสเข้มข้นพร้อมเครื่องเคียงมากมาย บาร์บีคิวเกาหลีคือคำตอบที่ดี สำหรับผู้ที่เน้นรสชาติที่ไม่จัดจ้านด้วยรสชาติธรรมชาติของวัตถุดิบชั้นดี เจแปนนิส บาร์บีคิว คือคำตอบที่ลงตัวสำหรับคนกลุ่มนี้

 

ยากินิกุ (Yakiniku) คืออะไร

 

ยากินิกุ แปลว่าเนื้อย่าง yakiniku คือ หมายถึงปิ้งย่างแบบญี่ปุ่นที่มักเป็นเตาถ่าน ต่างจากไทยหรือเกาหลีที่ปิ้งย่างบนเตาเหล็กทำให้ได้กลิ่นหอมของถ่าน มองโกลหมูกระทะ วัตถุดิบที่นำมาปิ้งมีทั้งเนื้อสัตว์ เครื่องในและผัก ยากินิกุมักทานกันในมื้อสังสรรค์ เครื่องดื่มต่างๆ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จึงเป็นอีกองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้

ยากินิกุ จะต่างจากยากิโทริที่มีความคล้ายคลึงกัน ตรงที่ความสนุกของยากินิกุจะอยู่ที่การย่างทานเอง ขณะที่ยากิโทริจะมีคนย่างให้ “ยากินิคุ” yakiniku คือ โดยทั่วไปใช้เพื่ออ้างถึงอาหารประเภทเนื้อย่าง แต่เมื่อชาวญี่ปุ่นพูดว่า “มารับประทานยากินิคุกันเถอะ” มักหมายถึงอาหารประเภทเนื้อย่าง ผักจะวางบนตะแกรงหรือกระทะเหล็ก แล้วจุ่มลงในซอสหรือน้ำจิ้ม .

 

ยากินิกุ (Yakiniku) ส่วนต่างๆ

 

ที่มาปิ้งย่างเกาหลี เนื้อที่ที่ต้องรู้เมื่อไปทานที่ร้านยากินิกุ เนื้อวัว หรือหมูสามชั้น ” คารุบิ ” ซึ่งมีไขมันมากและเป็นเมนูหลักที่คนญี่ปุ่นชอบสั่ง “ลิ้น” คือส่วนของลิ้นวัว เป็นส่วนที่มีไขมันน้อย คุณสามารถลิ้มรสมันได้มากขึ้นเมื่อคุณเคี้ยวมัน “ฮารามิ” คือส่วนที่มีไขมันน้อยจึงดีต่อสุขภาพ ยอดนิยมในหมู่สาวๆ “ตับ” คือส่วนของตับวัวที่อุดมด้วยธาตุเหล็กแต่หลายคนกินยากเพราะกลิ่นและรสชาติแปลก ส่วนที่ไม่ติดมันติดมัน

โดยปกติหลังจากปรุงแล้วเนื้อจะจุ่มในซอสทารา แล้วรับประทาน ส่วนประกอบหลักของน้ำจิ้ม ได้แก่ ซีอิ๊วญี่ปุ่น กระเทียม น้ำตาลหรือน้ำมันงา ตามสูตรแต่ละร้าน โดยทั่วไป น้ำจิ้มเนื้อย่างจะออกหวานเค็ม

>>’ยากินิคุ’ น่าจะเป็นชื่ออาหารปิ้งย่างที่เราคุ้นเคยกันดี โดยเฉพาะกับคนรักอาหารญี่ปุ่น แต่อาจมีหลายคนที่ยังไม่ทราบแน่ชัดถึงที่มาของอาหารปิ้งย่างสไตล์นี้ ครองใจคนไทยมากว่า 10 ปี และเชี่ยวชาญขออาสาค้นคว้าประวัติร้านยากินิกุให้ได้รู้จักกันมากขึ้น พร้อมเคล็ดไม่ลับในการทำปิ้งย่างยากินิกุให้อร่อยถูกใจทุกคน

“ยากินิคุ” เป็นคำภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า “ยากินิคุ” ตามตัวอักษร ‘ย่าง-เนื้อย่าง’ ต้นกำเนิดศาสตร์การย่างยากินิกุของญี่ปุ่น ต้องย้อนไปในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อชาวญี่ปุ่นในภูมิภาคคันไซของโอซาก้า คันไซ เชื่อว่าได้รับอิทธิพลจากชาวเกาหลีที่อพยพเข้ามาทำอาหารทอดในสมัยนั้น ชาวบ้านได้ปรับเปลี่ยนวิธีการย่างให้เหมาะกับวิถีชีวิต กลายเป็นหนึ่งในอาหารยอดนิยมของญี่ปุ่น ยังกำหนดให้วันที่ 29 สิงหาคมของทุกปีเป็นวันยากินิกุอีกด้วย นี่จึงเป็นที่มาของวันนั้น มาจากการอ่านออกเสียงจำนวนวันและเดือน ฟังดูคล้ายกับตัวอักษรภาษาญี่ปุ่น “ยากินิคุ”

 

บทความแนะนำ